ตะลุยเที่ยว California กับหนึ่งในเส้นทาง Road Trip ที่สวยที่สุด
California เป็นรัฐชื่อดังที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอเมริกา เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งธรรมชาติอย่างทะเล ภูเขา และสถานที่เที่ยวในเมือง เป็นศูนย์รวมความหลากหลายทางวัฒนธรรม มาที่เดียวก็ได้ครบทุกรสชาติของการผจญภัย!
วันนี้พี่ๆ GoUni เลยจะพามาขับรถออก Road Trip เที่ยวจากเหนือลงใต้ผ่าน 6 เมืองใหญ่ของ California ปล่อยกายและใจไปกับการชิม ช็อป แชะ แวะแลนด์มาร์คสำคัญของแต่ละเมืองได้ตลอดทั้งทางแบบไม่มีเบื่อ!
เส้นทาง Highway 1: Pacific Coast Highway
Road Trip นี่เราจะเริ่มต้นกันที่ San Francisco และไปจบที่ San Diego เส้นทางที่เราจะใช้สำหรับทริปนี้ก็คือ Highway 1: Pacific Coast Highway ที่จะผ่าน Big Sur หนึ่งในเส้นทาง Road Trip ที่วิวสวยเลอค่าดีที่สุดในโลก!
หมายเหตุ: อย่าลืมเปิดเพลง Road Trippin ของ Red Hot Chilli Peppers ก่อนออกเดินทาง รับรองว่าให้อารมณ์เหมือนอยู่ในซีรีย์อเมริกาเลยล่ะ
เริ่มต้น Road Trip กับแลนด์มาร์คสำคัญที่ San Francisco
จุดเริ่มต้นของ Road Trip ทริปนี้ก็คือเมืองใหญ่อย่างซานฟรานซิสโก เมืองที่ล้อมไปด้วยทะเล มีความทันสมัยและหลากหลายไปหมดทุกอย่าง ทั้งที่กิน ที่เที่ยว และแลนด์มาร์คมากมาย ยิ่งถ้าเริ่มทริปด้วยการเปิดเพลง San Francisco Street ก็คงจะได้ฟีลไม่ใช่น้อย มาดูกันว่าทริปที่ซานฟรานจะมีที่ไหนให้ไปบ้าง
Golden Gate Bridge
เริ่มกันที่จุดแรกกับสัญลักษณ์ของเมืองอย่าง Golden Gate Bridge สะพานแขวนสีแดงที่เชื่อมเมืองซานฟรานซิสโกกับมารินเค้าตี้เข้าด้วยกัน ไม่แวะก็เหมือนไปไม่ถึงซานฟรานนะคะ นอกจากนี้จะไป Baker Beach ยืนถ่ายรูปริมหาดกับวิวสะพานแดงก็ปังไม่แพ้ใคร
Pier 39
อดีตท่าเรือที่ถูกเปลี่ยนให้มาเป็นแหล่งชอปปิ้งสุดฮิตของเมืองซานฟราน ที่อยู่ตรงกลางระหว่างสะพาน Golden Gate และ Bay Bridge ที่นี่คือศูนย์รวมร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของฝากต่างๆ สไตล์อเมริกันแบบคลาสสิค แล้วก็ต้องไม่พลาดกับการมาดู Sea lions สิงโตทะเลสีน้ำตาลที่น่ารักมากๆ บางตัวก็เล่นอยู่ในน้ำ บ้างก็ขึ้นมานอนโชว์ตัวให้เราหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย จะมองไปทางไหนก็มีแต่อุ๋งๆ เต็มไปหมดดดดด
Fisherman’s Wharf
คอมมิวนิตี้ริมน้ำที่อยู่ไม่ไกลจาก Pier 39 ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นสะพาน Golden Gate และอ่าวซานฟรานซิสโกได้อย่างเต็มตา สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือเบอร์เกอร์ล็อบสเตอร์ เนื้อเด้ง หวานช่ำ กัดแล้วฟิน ส่วนใครที่ไม่ทานล็อบสเตอร์ก็มีเมนูอาหารทะเลอีกมากมายให้เลือกทานอย่างเอร็ดอร่อยเช่นกันค่ะ
Lombard Street
ถนนที่คดเคี้ยวที่สุดในโลก ใครชอบความท้าทาย อยากจะโชว์สกิลขับรถก็คือต้องไม่พลาดนะจ๊ะ ส่วนใครที่ไม่ขับรถก็ไปเช็คอิน ถ่ายรูปกับดอกไม้สวยๆ ข้างทางได้เลย คอยระวังรถกันด้วยนะคะ
อื่นๆ
- California Street ถนนเส้นนี้ตัดระหว่าง Powell Street และ California Street เป็นมุมคลาสสิคที่จะพาเราย้อนกลับไปในอดีตของซานฟรานซิสโก มีรถรางชมให้นั่งชมเมือง ใครชอบเดินก็ไป union square ได้ โซนใจกลางเมืองที่จะทำให้เงินในกระเป๋าละลายได้ทันที เพราะมีทั้งร้านค้าต่างๆ ร้านแบรนด์เนม ของกิน มากมาย
- San Francisco Museum of Art พิพิธภัณฑ์ศิลปะแบบ modern และ contemporary ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา! มิวเซียมศิลปะสุดแสนจะติสท์ที่สายอาร์ตต้องไม่พลาด ส่วนราคาค่าเข้าก็แค่ $19 เอง
- Ghirardelli Chocolate ชิมช็อกโกแลตที่ร้านชื่อดังประจำเมือง ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี 1852 โดยคนอิตาเลียน เมนูที่พลาดไม่ได้เลยคือ sea salt caramel และ classic hot chocolate จิบช็อคโกแลตร้อนๆ ก่อนจะขับรถเที่ยวต่อก็เริ่ดใช้ได้
San Jose เมืองเทคโนโลยีที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันจะไปเยือน
ขับรถจากซานฟราน ออกจาก Highway 1 มานิดหน่อย มาแวะพักรถเที่ยวแลนด์มาร์คสำคัญในเมือง San Jose (ชื่อเมืองอ่านว่าแซนโฮเซ) ซึ่งมี Silicon Valley แหล่งรวมของบริษัทด้านเทคโนโลยีและสตาร์อัพ แถมยังมีมหาวิทยาลัยอีกมากมาย มาดูกันว่าเมืองที่ขึ้นชื่อด้านเทคโนโลยีจะมีสถานที่ไหนให้เที่ยวบ้าง
Winchester Mystery House
คฤหาส์นที่เรียกได้ว่าเฮี้ยนที่สุดในอเมริกา! มีมานานกว่า 120 ปี แถมยังเป็นสถานที่ถ่ายทำของหนังสยองขวัญเรื่อง Winchester ซึ่งถ้าใครที่เคยดูเรื่องนี้ก็จะรู้ถึงความหลอนของบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี ใครอยากจะไปลองของ อยากรู้ว่ามันจะเฮี้ยนเหมือนที่เขาว่ากันมั้ย ก็ลองแวะไปเที่ยวที่นี่ได้เปิดประสบการ์ณหลอนๆ ได้ในราคาแค่ $39.99 เอง (เปิดให้เข้าชมแค่ช่วงกลางวัน)
San Jose Museum of Art
แวะพักจากเรื่องหลอนๆ ไปเสพศิลป์ที่ San Jose Museum of Art ได้ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะมีผลงานศิลปะในช่วงสมัยศตวรรษที่ 20-21 มาแสดง ซึ่งก็จะมีคอลเลคชั่นศิลปะอื่นๆ ที่มีความหลากหลายและน่าสนใจอยู่เหมือนกัน สายอาร์ททั้งหลายต้องไม่พลาด
อื่นๆ
- San Pedro Square Market ตลาดสำหรับ hang out มีร้านอาหารหลากหลาย ตั้งแต่อาหารเม็กซิกันไปจนถึงอาหารจีน แถมยังมีเครื่องดื่มมากมายให้ลองชิม มานั่งคุยกับเพื่อน ลองเครื่องดื่มใหม่ๆ ก็ชิวอยู่
- Tech Museum of Innovation พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมในหลายๆ ด้าน มาเที่ยวที่นี่ได้ทั้งความรู้ได้ทั้งความสนุก ใครที่สนใจด้านนี้อยู่แล้วก็อาจได้แรงบันดาลใจกลับไปด้วย
ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปยืนถ่ายรูปชิคๆ ที่ Big Sur
ขับรถเลียบทะเลกับเส้นทาง Pacific Coast Highway มาเรื่อยๆ เข้าเมือง Monterey เมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ ก็จะพบกับวิวทะเลและภูเขาที่ทำให้เราละสายตาจากถนนเส้นนี้ไม่ได้จริงๆ
Monterey Bay Aquarium
หนึ่งในอควาเรียมที่ดีที่สุดในโลก ที่นี่มีสัตว์ทะเลอยู่มากกว่า 1000 ชนิด จะชมสัตว์น้ำเพลินๆ ดูสารคดี หรือจะถ่ายรูปก็ได้หลายมุม เดินข้างในเสร็จก็ออกมาข้างนอกชมวิวทะเลแบบชิวๆ ได้ ราคาค่าเข้าจะอยู่ที่ $49.95
Cannery Row
อีกแลนด์มาร์คที่สำคัญที่เมื่อก่อนเคยเป็นโรงงานอุตสาหกรรมปลาซาร์ดีน แต่ตอนนี้ก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ร้านของฝาก ร้านชิมไวน์ที่หลากหลายทั้งร้านเก่าแก่และร้านน้องใหม่ โดยสถานที่ก็ยังคงความเป็นเมืองเก่าๆ ไว้ แวะมากินอาหารพร้อมเสพบรรยากาศสุดคลาสสิคได้ที่นี่เลย
Big Sur
ปิดท้ายด้วยไฮไลท์ของเมืองนี้นั่นก็คือ Big Sur เส้นทาง scenic road trip ที่สวยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก มองลงมาจะเห็นวิวสะพาน Bixby Creek Bridge กับทะเล ยิ่งไปวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสคือวิวดีเกินต้านและห้ามพลาดจุดชมวิวสำคัญนั่นก็คือ Hurrican viewpoint ที่ดีไม่แพ้กัน ปังที่สุดใน Carmel by the sea ซึ่งหลังจากขับรถชมวิวเสร็จก็เป็นทางต้อนรับสู่เมืองแซนตาบาร์บารา
ขับเลียบทะเล แวะเที่ยวชายหาดที่ Santa Barbara
เมืองริมมหาสุมทรแปซิฟิคที่มีชายหาดยาวและรายล้อมไปด้วยภูเขาทำให้ถูกเรียกว่าเป็น American Riviera (บรรยากาศคล้ายเมืองริมทะเลชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศอิตาลี) มีสภาพภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน อากาศเลยดี้ดีตลอดทั้งปี
Old Mission
โบสถ์แห่งแรกในแคลิฟอร์เนียที่ใครมาที่นี่ก็มาแชะภาพเก็บไว้ ซึ่งจากจุดนี้สามารถนั่งรถรางชมเมืองพร้อมกับฟังไกด์เล่าที่มาของโบสถ์และเมืองแซนตาบาร์บารา
อื่นๆ
- Stearns Wharf ท่าเรือประมงที่มีร้านค้าขายของที่ระลึก ขนม ร้านอาหาร กินลม ชมวิว เที่ยวริมทะเล ก่อนขับรถออกเดินทางต่อ
- East beach เสน่ห์เฉพาะของที่นี่ก็คือต้นปาล์มริมหาด ที่ตอนเย็นนั้นบรรยากาศดีมาก มาปิคนิค นอนรอดูพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า หรือจะมานั่งดูคนโลคอลเล่นวอลเลย์บอลชายหาดก็ได้ ปล่อยใจให้ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ตามรอยหนังดังกับศิลปินระดับแนวหน้าที่ Los Angeles
เมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในอเมริกา ต้นกำเนิดของ hollywood and pop cultures มากมาย เมืองนี้มีครบทุกอย่างไม่ว่าจะแฟชั่น อาหาร แหล่งชอปปิ้ง รวมไปถึง Thai Town ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาอีกด้วย เห็นแบบนี้คงต้องแวะพักสักคืนสองคืนเพื่อเที่ยวเมืองใหญ่แห่งนี้ให้คุ้มสุดๆ ไปเลย
Hollywood
ป้ายใหญ่สุด iconic บน Hollywood Hill ที่ไม่ว่าใครมา LA ก็มองเห็นได้ แต่ถ้าใครอยากถ่ายรูปใกล้ๆ ก็ต้องไปที่ Lake Hollywood Park จอดรถริมทางแล้วเดินขึ้นเขาไปอีกนิดก็จะได้มุมถ่ายรูปที่ใครๆ ก็ต้องอิจฉาแน่นอน
Hollywood Walk of Fame
ทางเท้าบนถนน Hollywood ที่ถูกประดับด้วยแผ่นหินตกแต่งรูปดาวซึ่งมีมากกว่า 2,000 ดวงด้วยกัน! โดยดาวแต่ละดวงก็จะจารึกชื่อนักแสดง เซเลบ ผู้กำกับ คนในวงการ และคนที่มีชื่อเสียงของวงการฮอลลีวูด ใครชอบดาราคนไหนก็ไปล่ารายชื่อกันได้เลย
Griffith Observatory
หอดูดาวใน Los Angeles ใครที่เคยดูหนังเรื่อง La La Land ต้องคุ้นตาแน่นอน อยู่ตรง Mouth Hollywood มองลงไปก็เห็นวิว Downtown LA และเห็นป้าย Hollywood ด้วย ที่นี่จอดรถและเข้าฟรี จะไปเดินชิวตอนกลางวันหรือดูดาวตอนกลางคืน เที่ยวชมท้องฟ้าจำลองและแสงไฟที่เป็นสีสันของ Downtown น่าจะโรแมนติกไม่เบาเลย
อื่นๆ
- Beverly Hills แหล่งบ้านหรูของไฮโซคนดังทั้งหลาย มีต้นปาล์มรายล้อมสองข้างทาง ซึ่งเป็นภาพสุดแสนจะคุ้นตาที่เรามักเห็นในหนังต่างๆ ไปยืนถ่ายรูปชิคๆ ลงสตอรี่กันได้ ใครเห็นปุ๊ปก็ต้องรู้ปั๊ปว่าเรามาเยือน Beverly Hills!
- Santa Monica Beach ชายหาดสุดชิวที่มีพื้นที่สำหรับกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะนอนอาบแดด เล่นวอลเลย์บอลชายหาด ตกปลา เดินชมวิว ฟังเพลงจากนักดนตรีทั้งขาประจำและขาจร หรือจะมานั่งชมพระอาทิตย์ตกก็ได้ ที่นี่ยังมี Pacific Park สวนสนุกริมทะเลที่มีเครื่องเล่นให้เล่นอีกมากมาย ไปหาดนี้ทั้งทีต้องเก็บให้ครบ
- Universal Studios Hollywood สวนสนุกที่เอาภาพยนตร์ดังเช่น Harry Potter, Transformers, Fast and Furious, The Walking Dead, Jurassic Park มาสร้างเป็น Theme Park ให้แฟนๆ ได้เล่นเครื่องเล่นที่เหมือนหลุดออกมาจากในหนัง ซึ่งตั๋วทั้วไปก็จะราคาที่ 129$ และแบบ Express 269$ (ใช้ช่องพิเศษลัดขึ้นเครื่องเล่นได้เลย) นอกจากนี้ก็ยังมีมุมให้ถ่ายรูป มีร้านของที่ละลึกให้ช้อปปิ้งด้วย
- In n Out Burger เบอร์เกอร์ร้านดังของฝั่งตะวันตก หาทานได้ที่แถบนี้เท่านั้นเมนูเด็ดก็จะมี Animal Style Fries เฟรนช์ฟรายกรอบๆ ราดบนซอสที่มาพร้อมกับผัดหอมหัวใหญ่ คือเด็ดมากจริงๆ อีกเมนูที่แนะนำก็คือ In-N-Out Burger's Burger Animal Style ใครไปแล้วห้ามพลาดเลยนะ ซื้อไปทานระหว่างนั่งรถชิวๆ ก็ได้
นอนอาบแดด เล่นเซิร์ฟชิวๆ ที่ San Diego
ปิด West Coast Road Trip กันที่เมือง San Diego เมืองใหญ่อันดับสองของ California ที่ติดกับ Mexico เป็นที่ตั้งฐานทัพของเรืออเมริกันขนาดใหญ่ในอดีตและตอนนี้ก็เรียกได้ว่าเป็น Beach Culture เพราะมีชายหาดเยอะ เหมาะกับการเล่นเซิร์ฟ แต่ถ้าใครไม่เล่นก็ไปนั่งกินลมชมวิวก็ได้เช่นกัน
BalboaPark
สวนสาธารณะกลางเมืองที่ใหญ่สุดของสหรัฐอเมริกา และมีความหลากหลายมากๆ ทั้งพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรี่ โรงละคร ร้านอาหาร และสวนสัตว์ชื่อดังระดับโลกอย่าง San Diego Zoo ไปที่เดียวเที่ยวได้ครบ!
La Jolla Beach
เป็นเวิ้งติดทะเลที่มีผาหินเรียงราย เราสามารถเดินลงไปเดินเล่นตามชายหาดได้ ที่นี่ยังมีแมวน้ำและสิงโตทะเลที่มานอนตบพุงตลอดทั้งชายฝั่ง ใครอยากถ่ายรูปกับน้องอุ๋งตัวเป็นที่ระลึกก็มาที่นี่ได้เลย
- USS Midway Museum พิพิธภัณฑ์เรือที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกองทัพสหรัฐฯ มีการจัดแสดงเรือรบของอเมริกาและนิทรรศการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกองทัพสหรัฐฯ เหมาะสำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์ ค่าเข้าชมจะอยู่ที่ $23 ต่อคน
- Unconditional Surrender Statue อนุสาวรีย์รูปปั้นที่สร้างจากภาพถ่ายที่ทหารเรือกำลังจูบพยาบาลในวันที่อเมริกาประกาศหยุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็แอบโรแมนติคนะเนี่ย เที่ยวที่นี่ก็อย่าลืมถ่ายรูปเลียนแบบรูปปั้นกันด้วยนะ
- Sunset Cliffs ยามเย็นแบบนี้ต้องไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกที่ Sunset Cliffs at Sunset beach ชมทะเล ท้องฟ้า และภูเขาหน้าผาที่สวยงาม ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คอีกที่วิวหลักล้าน
Old Town San Diego
ย่านความเจริญในเมืองที่มีทั้งแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และผับบาร์เรียงตลอดสองฝั่งถนน กลางคืนก็สามารถนั่งริมถนนซึมซับความเก่าแก่ของที่นี่ได้ ส่งท้ายวันสุดท้ายที่เมืองสุดท้ายของทริปนี้ด้วยการซื้อของที่ระลึกกลับไปฝากคนที่บ้าน ทานอาหารโลคอลอย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยใจไปกับเสียงเพลง บรรเลงความประทับใจเป็นครั้งสุดท้าย ให้ทริปนี้กลายเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่สวยงาม
เป็นยังไงกันบ้างกับเส้นทาง West Coast Road Trip ที่สายเที่ยวเห็นแล้วต้องอดใจไม่ไหวจนอยากจะเก็บกระเป๋าออกไปเที่ยวตามกันแน่นอน ใครมีได้โอกาสไปเรียนต่อที่อเมริกาก็ลองมาขับรถเที่ยวเส้นทางนี้กันดูนะ รับรองว่าทริปนี้จะตราตรึงใจไปอีกนาน
การศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา
หลายคนอาจจะไม่รู้แต่ GoUni เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยและสถาบันสอนภาษามากมายในสหรัฐอเมริกาเลยนะคะ ไม่ว่าจะอยากไปอัพเลเวลภาษาอังกฤษหรือไปเรียนต่อระดับปริญญา เราก็พร้อมสมัครเรียนและอำนวยความสะดวกให้ทุกขั้นตอนของการไปเรียนต่อเลยล่ะค่ะ
บทความอื่นที่น่าสนใจ
ทำไมต้อง GOUNI?
- ให้คำปรึกษาฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
- สะดวกสบาย ทำให้น้องๆ มีเวลาในการทำงานหรือตั้งใจเรียน
- มีสำนักงานใหญ่ที่ลอนดอน สามารถติดต่อกับสถาบันได้โดยตรง
- ทีมงานของเรามีรุ่นพี่ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยระดับ Top
- มีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการแนะแนวกว่า 15 ปี
ให้การเรียนต่อต่างประเทศเป็นเรื่องง่าย
Official Line: https://lin.ee/SmbZgxh
Tel: 098-825-9840 / 093-323-0500
Facebook: https://m.me/gouni.th
Email: info@gouni.co.th
Leave A Comment
รับข่าวสารจากเรา
เราจะคอยอัปเดตคุณด้วยการแจ้งเตือนข่าวสารและความช่วยเหลือเมื่อคุณต้องการ