ทริคเล็กๆ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่พบบ่อยเวลาเขียนภาษาอังกฤษ

icon-time 16 ตุลาคม 2015
icon-view 4724
icon-comment20

หลายๆ คนมีอาการวิตกกังวลเวลา re-read ข้อความที่เพิ่งเขียนหรือพิมพ์เสร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแกรมม่าร์หรือว่าตัวสะกด ที่สมมติว่าผิดพลาดขึ้นมาเนี่ย คนอ่านหรือว่าคู่สนทนาจะพาลมองว่าภาษาอังกฤษของเราไม่ดีรึเปล่านะ? และ GoUni มีทริคเล็กๆ ที่จะช่วยให้ทุกคนหลบเลี่ยงข้อผิดพลาดที่พบกันได้บ่อยๆ มาฝากค่ะ X)

ก่อนอื่น เรามาลองดูในส่วนของคำศัพท์กันก่อนเลย

คำที่เป็นปัญหา — ใช้ผิดที่ผิดทางกันอยู่บ่อยๆ

1. Affect / Effect : ในส่วนใหญ่แล้ว Affect จะเป็น verb และ Effect จะเป็น noun ค่ะ

ตัวอย่างเช่น -- It affected him. / The effect was startling.

2. All Right / Alright : ถึงแม้ว่า alright นั้นจะเป็นที่นิยมใช้กันมากกว่า แต่ว่าที่ถูกต้องจริงๆ แล้วนั้นคือ all right แหละ!

3. A lot : คำนี้ถือว่าเป็นสองคำค่ะ ต้องมีช่องว่างระหว่างคำด้วยนะ! (ส่วน allot นั้นจะแปลได้ว่า แบ่งสันปันส่วน ค่ะ)

4. Between you and I : ไม่มีนะคะคำนี้~ ให้ใช้คำว่า Between you and me ค่ะ

5. Complement / Compliment : คำแรกนั้นหมายถึงสิ่งที่ไปด้วยกันได้ดี ส่วนคำที่สองนั้นแปลว่าคำชื่นชมเยินยอ

6. Farther / Further : Father คือระยะห่างที่จับต้องได้ เห็นได้กับตาว่าไกลแค่ไหน ส่วน Further นั้นคือระยะห่างในโลกจินตนาการค่ะ (555) หรืออีกนับหนึ่งก็สามารถใช้แทนความหมายของ Moreover ได้

7. Gray / Grey : US vs UK Spelling อีกแล้วค่า คำแรกเป็นของฝั่งอเมริกา ส่วนคำที่สองนั้นเป็นแบบอังกฤษค่ะ

8. Irregardless : ไม่มีอีกแล้วนะคะคำนี้ ที่ถูกต้องนั้นคือ regardless จ้า

9.Lay / Lie : ประธาน (subject) lie down ในขณะที่ กรรม (object) laid down ค่ะ

ตัวอย่างเช่น -- He should lie down for a moment. / Lay the reports on the table. (จะค่อนข้างแยกยากหน่อยนะคะสองคำนี้ เพราะต้องผันตาม verb tense ด้วย)

10. Myself : หลายๆ คนจะใช้ประโยคประมาณว่า Send it to Bob and myself. ซึ่งมันไม่ค่อยจะถูกเท่าไหร่นักค่ะ ต้องใช้ว่า Send it to Bob and me. นะ :3

writing1_Fotor

นอกเหนือจากคำที่มักใช้ผิดกันแล้ว ตัวช่วยอื่นๆ ก็มีส่วนช่วยได้มากเช่นกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Google Ngram Search ที่จะช่วยบอกว่ามีคำและรูปประโยคแบบไหนบ้างที่ถูกใช้ในหนังสือหลายพันหลายหมื่นเล่มที่ Google เคยแสกนไว้ เหตุผลที่มันดีกว่าการเสิร์ช Google แบบปกติก็คือ รูปแบบประโยคเหล่านี้นั้นอยู่ในหนังสือ ที่ก่อนจะตีพิมพ์ได้เนี่ย ก็ต้องมีการตรวจสอบ และพิสูจน์อักษรกันอย่างเคร่งขัด ต่างจาก blog สอนภาษาอังกฤษหรือว่าเว็บไซท์ทั่วไป ทำให้ค่อนข้างมั่นใจได้ว่านี่คือภาษาอังกฤษที่ถูกต้องค่ะ และที่น่าสนุกกว่านั้นก็คือ เราสามารถที่จะดูได้ด้วยนะว่าในแต่ละคำเนี่ย มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ไปอย่างไรแล้วบ้าง ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันค่ะ

ในส่วนของเว็บดิกชันนารีนั้น ก็มีเว็บที่ชื่อว่า American Heritage Usage Notes. ที่น่าสนใจค่ะ (แต่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน ไม่ใช่บริทิชนะค้า) มันน่าสนใจตรงไหนน่ะเหรอ .. ก็ตรงที่นอกเหนือไปจากการเป็นดิกชันนารีแล้ว เว็บนี้ยังรวบรวมโน้ตของผู้ใช้เอาไว้ให้เราน่ะสิ รวมถึงคำอธิบายต่างๆ ที่ได้รับการรวบรวมมาจากแบบสอบถามด้วยนะ เพราะว่าบางทีเวลาเราหาศัพท์เนี่ย มันก็มีหลายความหมายใช่ไหมล่ะ ในเว็บนี้เค้าก็จะบอกค่ะ ว่าทำไมคำนี้ถึงแปลได้ว่าแบบนี้ แล้วคนที่ไม่เห็นด้วยกับคำแปลนี้ เค้าคิดว่ามันหมายความว่าอะไรกันนะ

Woman Writing Notes in her Planner

อีกทริคหนึ่งที่จะทำให้งานเขียนดูโปรขึ้น นั่นก็คือเลือกสไตล์ของภาษาที่จะใช้ค่ะ คือปกติแล้วดิกชันนารีก็จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการนำคำศัพท์ไปใช้แบบกว้างๆ ใช่ไหมคะ แต่ว่าเว็บจำพวก Style Guide เนี่ย จะบอกว่า นี่ เราใช้กันแบบนี้นะ ใช้ตามเราสิ … ซึ่งก็มีหลากหลาย options ให้เลือกค่ะว่าอยากจะมาสไตล์ไหน ไม่ว่าจะเป็น AP หรือ Chicago ทางฝั่งอเมริกา หรือว่าจะเป็น Harvard style ในฝั่งอังกฤษก็ได้ (แต่ถ้ามีแพลนจะมาเรียนต่ออังกฤษแล้วละก็ ขอแนะนำให้ใช้ Harvard style ให้ชินมือไว้ก่อนเลยน้า เผื่อว่ามาอยู่แล้วจะได้ไม่รู้สึกติดขัดว่าทำไมสะกดไม่เหมือนกับที่เคยใช้ :D ) และประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของการเลือกสไตล์การใช้ภาษาก็คือ เราจะหาคำตอบเกี่ยวกับวิธีการใช้คำศัพท์นั้นๆ ได้ง่ายขึ้น และงานเขียนก็ยังดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันดีด้วยล่ะ

มาถึงทริคสุดท้ายแต่สำคัญมากสุดๆ อันได้แก่การ “รีไรท์” ค่ะ — รีไรท์ในที่นี้ไม่ได้จะบอกให้ลบแล้วเขียนใหม่ทุกประโยคน้า แต่สำหรับประโยคที่ไม่แน่ใจว่าเขียนแบบนี้ถูกแล้วรึยังนั้น อาจจะเป็นสัญญาณบอกได้ค่ะว่าประโยคนี้ยังสามารถปรับปรุงเขียนใหม่ให้เข้าใจง่ายกว่านี้อีก ลองใช้ศัพท์คำอื่นดู หรือสลับรูปแบบของประโยคดู เพื่อป้องกันความผิดพลาดอันมาจากการเข้าใจผิดของคนอ่านค่ะ

และทั้งหมดนี้ก็เป็นเคล็ด(ไม่ค่อย)ลับ ที่จะช่วยพัฒนาฝีมือการเขียนภาษาอังกฤษของทุกคนให้ดีขึ้นบ้าง แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้น การฝึกฝนสำคัญที่สุดค่ะ กล้าที่จะใช้ กล้าที่จะเขียน ต่อให้ผิดก็เรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นๆ สุดท้ายแล้วเราก็จะเก่งขึ้นเองล่ะ ^^

ที่มา : https://hbr.org/2015/07/a-quick-guide-to-avoiding-common-writing-errors?utm_source=Socialflow&utm_medium=Tweet&utm_campaign=Socialflow

ขอบคุณรูปภาพจาก www.codeinstitute.net / www.high50.com