✨ ตีแผ่ Culture นอกประเทศไทย, รู้ไว้จะได้ไม่ Shock ! ✨
“คนที่นี่เขาอยู่กันแบบนี้เหรอ ?”
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า ‘Culture Shock’ กันมาบ้าง และแน่นอนว่ามันไม่ได้หมายถึงอาการช็อกตาตั้งอะไรแบบนั้น แต่เป็นอาการที่เรารู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัว เรากำลังพูดถึงการเริ่มต้นใช้ชีวิตในต่างประเทศซึ่งเต็มไปด้วยวัฒนธรรมใหม่ ๆ และทัศนคติของคนรอบตัวที่เปลี่ยนไปจนทำให้เรารู้สึกว่ารับมือได้ยากและเกิดคำถามในใจว่า “เฮ้ย คนที่นี่เขาอยู่กันแบบนี้เหรอ ? ทำไมไม่เหมือนตอนอยู่ประเทศไทย ?” แต่สุดท้ายความกังวลเหล่านี้จะหมดไปเพียงเธอเปิดใจแล้วเรียนรู้ที่จะปรับตัว
“เมืองผู้ดี ‘อังกฤษ’”
ได้ยินชื่อ ‘ประเทศอังกฤษ’ ทีไร ในหัวจะมีภาพกลุ่มเด็กสาวสวมชุดเดรสลูกไม้สีขาวรวมตัวกันปูเสื่อนั่งจิบชาลอยเข้ามาทุกที แต่เธออาจไม่รู้ว่านอกจากชาแล้ว ของเหลวที่มนุษย์เกาะอังกฤษนิยมชมชอบไม่แพ้กันก็คือ ‘เบียร์’ นั่นเอง แล้วต้องเป็นเบียร์ในผับด้วยนะ มันยังไง ถ้าเคยไปเยือนแล้วจะพบว่าคนอังกฤษเข้าผับกันไฟแลบมาก เมนไอเดียคือเข้าไปนั่งพูดคุยกันเพื่อระบายเรื่องต่าง ๆ เคล้าเบียร์และเสียงเพลง ใครอยากซึมซับวิถีของคนอังกฤษแบบถึงพริกถึงขิงแนะนำให้ลองไปนั่งจิบเบียร์ในผับที่อังกฤษดู รับรองว่าแป๊บเดียวรู้เรื่อง
นอกจากนี้สิ่งที่ควรรู้อีกอย่างก่อนมาประเทศอังกฤษคือคนอังกฤษซีเรียสเรื่องการต่อแถวเข้าคิวมากกกกก (ก.ไก่ยาวแบบพันรอบดาวอังคารได้) เขาถือเรื่องการต่อแถวเรียงลำดับว่าใครมาก่อนมาหลังมากนะ ดังนั้นอย่ามัวแต่ยืนเหม่อจนลืมคิวตัวเองล่ะ แล้วก็ห้ามไปลัดแถวคนอื่นด้วย แต่เอาจริงการแซงคิวก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำในทุก ๆ ประเทศอยู่แล้ว และถ้าวันไหนเดิน ๆ ไปเจอคนไร้บ้านนอนระเกะระกะอยู่ตามท้องถนนก็ไม่ต้องตกใจ เป็นเรื่องปกติของประเทศอังกฤษจ้า
“‘อเมริกา’ ดินแดนแห่งเสรีภาพ”
แม้จะเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่อง ‘เสรีภาพ’ แต่คนอเมริกานั้นเคารพกฎหมายและให้เกียรติซึ่งกันและกันมากพอตัวเลยทีเดียว โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างตอนพูดคุยกันต่อหน้า คนอเมริกาถือว่าการเข้าไปพูดคุยต่อหน้าในระยะประชั้นชิดอาจแสดงถึงการถกเถียงกันอย่างรุนแรงหรือการทะเลาะกันได้ นอกจากนี้ยังมีธรรมเนียมให้ทิปแก่ทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นในร้านอาหาร บนรถแท็กซี่ โรงแรม หรือแม้กระทั่งคนดูแลภายในห้องน้ำ ส่วนใหญ่ก็จะต้องมีการให้ทิปแก่พนักงานบริการทั้งสิ้น ตีง่าย ๆ เลยว่าต้องให้ทิปประมาณ 15-25% ของราคาจริง คีพคาร์แรกเตอร์สวยสปอร์ตที่แท้ทรู (กดเครื่องคิดเลขรอ)
ถึงตรงนี้ใครเกิดอยากซื้อหาของกินของใช้ขึ้นมาก็หายห่วง เพราะซูเปอร์มาร์เก็ตของประเทศอเมริกาเรียกได้ว่ามีขายทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ จะเป็นนม ขนมปัง ปืนไรเฟิล กระสุนปืน หรือแม้กระทั่งเซ็กส์ทอยก็จัดให้ได้ แถมถ้าเธออาจหาญสั่งพิซซ่าถาดใหญ่ในอเมริกา ก็จะต้องเซอไพรส์กับขนาดความใหญ่ของพิซซ่าที่ทำออกมาสำหรับรับประทานกันหลายคน ซึ่งคนส่วนมากนิยมหยิบพิซซ่ากิน ไม่ใช้ช้อนหรือส้อมตัดแบ่งอะไรทั้งนั้น และในกรณีที่เธอได้รับเชิญไปร่วมรับประทานอาหารที่บ้านคนอื่น ก็อย่าลืมทำอาหารหรือเตรียมน้ำบางส่วนไปสมทบด้วย
“ทุ่งจิงโจ้ ‘ออสเตรเลีย’”
ต้องบอกเลยว่าคนออสเตรเลียนั้นให้ความสำคัญกับคำว่า ‘Please’ และ ‘Thank you’ มาก หรือเธอจะพูดสั้น ๆ ว่า “Ta” ก็ได้ ฝึกไว้ให้ชินปากเชียว แล้วถ้าได้รับเชิญให้ไปรับประทานอาหารที่บ้านใคร ถือเป็นธรรมเนียมสำคัญที่เธอควรนำอะไรติดไม้ติดมือไปด้วย เช่น เครื่องดื่มสักขวด ในขณะเดียวกันหากมีแขกมาเยี่ยมที่บ้าน การยกน้ำเปล่ามาให้เท่ากับการดูถูกและไม่มีมารยาท เธอต้องถามว่าเขาต้องการดื่มอะไร เป็นชา กาแฟ หรือน้ำผลไม้ให้ได้รับคำตอบชัดเจน ทั้งนี้ในออสเตรเลียนั้นถือว่าการมาสายเป็นกริยาที่ไม่สุภาพ การต่อรองราคาเมื่อซื้อของหรือนั่งแท็กซี่ก็เช่นกัน ไม่ควรทำนะจ๊ะ แถมห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่าง ๆ ยังปิดเร็วอีกต่างหาก บางที 6 โมงก็ไปแล้ว ส่วนลักษณะของสิ่งก่อสร้างคือร้านอาหารส่วนใหญ่จะอยู่รวมเป็นจุดเดียวกัน แต่ถ้าบริเวณนั้นปลูกบ้าน ก็จะกลายเป็นจุดรวมบ้านหลาย ๆ หลังไป โดยเรามักจะได้เห็นภาพคนทำงาน นักศึกษา หรือแม้กระทั่งนักเรียนทำอาหารกลางวันมานั่งกินกันตามบริเวณเก้าอี้ริมถนนหรือสวนสาธารณะเป็นเรื่องปกติเลยล่ะ
“เมืองหิมะ ‘แคนาดา’”
นมบรรจุถุงในประเทศแคนาดาอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเด็กไทยที่ดื่มนมถุงกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่นอกจากนมแล้ว แคนาดายังบรรจุน้ำดื่มและน้ำผลไม้ใส่ถุงพลาสติกเพื่อความสะดวกต่อการขนส่งและจัดจำหน่ายอีกด้วย โดยห้างสรรพสินค้าของประเทศแคนาดาจะปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนร้านอื่น ๆ ทยอยปิดราว 5 โมงเย็น ต่างจากประเทศไทยที่ขนาด 4 ทุ่มแล้วก็ยังเดินเข้าไปเลือกเนื้อสันในได้
ในส่วนของการแยกขยะของประเทศแคนาดานั้นทุกครัวเรือนจะได้รับถังขยะแจกฟรีจากทางรัฐบาล และมีถังขยะแยกแยะเป็นสัดส่วนทุกครัวเรือน ปัจจุบันแคนาดาแยกขยะออกเป็น 3 แบบหลัก ๆ ได้แก่ ‘ขยะเปียก’ เช่น เศษผัก เศษผลไม้และเศษอาหารต่าง ๆ รวมถึงกากกาแฟ กับ ‘ขยะทั่วไป’ เช่น พลาสติก และสุดท้าย ‘ขยะรีไซร์เคิล’ เช่น กล่องกระดาษ กระป๋องน้ำอัดลมหรือขวดน้ำ ซึ่งทุกบ้านจะต้องทำการแยกขยะ บ้านหลังไหนไม่แยกขยะตามกระบวนการ ทางรถเก็บขยะจะมีใบแจ้งเตือนในครั้งแรก หากครั้งต่อไปยังไม่แยกขยะตามกระบวนการอีก เธออาจโดนใบสั่งให้ต้องเสียค่าปรับได้
“‘นิวซีแลนด์’ ดินแดนแห่งเมฆยาวสีขาว”
บางประเทศอาจมีวัฒนธรรมที่ต้องเก็บกลั้นความรู้สึกไว้ภายใน ไม่นิยมให้แสดงออก ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความโกรธ หรือความเศร้า แต่ไม่ใช่กับ ‘ประเทศนิวซีแลนด์’ แน่นอน เพราะที่นี่เธอสามารถแสดงอารมณ์และพูดคุยถึงความรู้สึกของตนเองกับคนอื่นได้อย่างเปิดเผย เพียงแต่ต้องพูดความจริงเท่านั้น เวลาสับสนอะไรก็ขอให้ตัดสินใจพูดมันออกมา อย่าคิดเอาเองว่าคนอื่นจะเข้าใจ บางประเทศการสบตากับผู้สูงอายุอาจเป็นเรื่องไม่สุภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่กำลังถูกตำหนิหรือตักเตือน แต่ที่นิวซีแลนด์นั้นการสบสายตานับเป็นรูปแบบสำคัญอย่างหนึ่งในการสื่อสาร
นักเรียนมัธยมศึกษาส่วนใหญ่ในประเทศนิวซีแลนด์จะเข้านอนประมาณ 3-4 ทุ่ม ระหว่างวันเรียนปกติ ซึ่งเป็นเวลาที่คนในบ้านต้องงดการส่งเสียงรบกวน และนักเรียนต้องไม่ใช้อินเทอร์เน็ตหรือโทรศัพท์มือถือหลังเวลา 5 ทุ่ม ระหว่างสัปดาห์ ทั้งนี้บ้านส่วนใหญ่ในนิวซีแลนด์มักมีสัตว์เลี้ยง อาจเป็นแมวหรือสุนัข ซึ่งสัตว์เหล่านี้มักจะอยู่ในบ้านด้วย โดยคนนิวซีแลนด์ให้ความสำคัญเรื่องการตรงต่อเวลามาก ต้องไม่สาย เมื่อถึงเวลาอาหาร การนัดหมาย หรือกลับบ้านหลังเลิกเรียน หากเธอจำเป็นต้องล่าช้าแล้วหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ให้รีบโทรศัพท์ติดต่อแจ้งให้คนในบ้านหรือโฮมสเตย์รับทราบ รวมถึงต้องล้างมือผ่านน้ำและสบู่ก่อนการเตรียมอาหารด้วย
การจะไปใช้ชีวิตในต่างแดนนั้นจำเป็นต้องเตรียมตัวรับมือกับความแตกต่างให้ดี ถึงตรงนี้ใครอ่านแล้วสนใจอยากไปเรียนภาษาที่ประเทศดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นประเทศอังกฤษ, ประเทศอเมริกา, ประเทศออสเตรเลีย, ประเทศแคนาดา, หรือประเทศนิวซีแลนด์ ก็สามารถเข้ามา ปรึกษาหรือสอบถามแนวทางกับพี่ ๆ GoUni ได้ทาง Line: @gounithailand และ Facebook: gouni.th เลย หรือจะยกหูกดเบอร์ 021634620 มาให้พี่ ๆ ช่วยแนะนำโรงเรียนที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของน้อง ๆ ให้ก็ได้จ้า
