‘เราเคยผ่านช่วงวิกฤติแบบนี้มาก่อนและเราจะผ่านมันไป’

วันนี้เราจะมาพูดถึงหนังสือที่เกี่ยวกับการระบาดของโรค การเอาตัวรอด และการกักตัวอยู่คนเดียว จะมีอะไรสมจริงยิ่งกว่าการอ่านหนังสือเกี่ยวกับการระบาดของโรคเมื่อเราทุกคนกำลังใช้ชีวิตท่ามกลางเหตุการณ์เดียวกันล่ะ?

A Journal of the Plague Year (1722)

The Great Plague of London เกิดขึ้นในช่วงปี 1665 เมื่อมีการตายที่แปลกประหลาดในกรุงลอนดอน ก่อนจะมีการประกาศมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างที่เรากำลังปฎิบัติอยู่ในชีวิตประจำตอนนี้ เช่น ระงับการพบปะ การทานอาหารเย็นร่วมกัน และการชุมนุมในที่แหล่งบันเทิงอื่นๆชั่วคราว

แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนธันวาคม การระบาดของโรคก็ชะลอลง ไหนจะอากาศหนาวที่เข้ามาแทนที่ ทำให้ผู้ที่ล้มป่วยค่อยๆอาการดีขึ้น และสุขภาพของเมืองลอนดอนก็ฟื้นคืน ก่อนจะกลับมาเป็นปกติในที่สุด ผู้คนออกมาเดินบนถนนเพื่อส่งคำขอบคุณแก่พระเจ้าสำหรับการปลดปล่อยนี้

ว่ากันว่าเป็นหนังสือที่อ้างอิงจากไดอารี่ของคุณลุง Henry Foe ผู้อาศัยอยู่ในแถบ Whitechapel ของ East London เพราะผู้เขียนมีอายุเพียง 5 ขวบเท่านั้นเมื่อเกิดการระบาดดังกล่าวขึ้น 

The Plague (1947)

หนึ่งในหนังสือขายดีที่อังกฤษในช่วง lockdown ว่าด้วยเรื่องของเมือง Oran ในประเทศ Algeria ที่ถูกสั่งปิดเป็นระยะเวลาหลายเดือนเพราะเกิดการระบาดของกาฬโรคที่คร่าชีวิตผู้คนมากมาย ซึ่งอ้างอิงมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่ Oran ในปี 1849

หลายๆเหตุการณ์สะท้อนสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ ณ ตอนนี้ ผู้นำที่ไม่ยอมรับรู้สัญญาณเริ่มต้นของการระบาดอย่างหนูที่ตายเกลื่อนถนน คอลัมนิสต์และสื่อที่ตั้งคำถามต่อการกระทำของผู้นำ ไหนจะบุลคากรทางการแพทย์ผู้ได้รับการยกย่องราวกับฮีโร่

ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่พวกเราได้เรียนรู้คือการหยิบยื่นความรักและความหวังให้แก่กันในช่วงเวลาแบบนี้

Pale Horse, Pale Rider (1939)

การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สเปน (The Spanish flu) ได้เปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างมาก นำมาซึ่งความตายกว่า 50 ล้านคน (แต่ความรุนแรงถูกกลบด้วยผลกระทบของสงครามโลกครั้งที่ 1) ผู้เขียนอธิบายไว้ว่า มันแย่อย่างที่คุณไม่เคยคิดมาก่อน ทุกโรงละคร ร้านค้าและร้านอาหารถูกปิดหมด ถนนเต็มไปด้วยงานศพในกลางวันและเสียงรถฉุกเฉินในกลางคืน

The Year of the Flood (2009)

บอกเล่าชีวิตหลังเกิดการระบาดระดับโลก เมื่อ 25 ปีก่อน ประชากรถูกล้างบางด้วย ‘Waterless Flood’ กาฬโรคที่แพร่กระจายผ่านอากาศราวกับมีปีกและเผาไหม้ทั้งเมืองราวกับไฟ เป็นเหตุให้มนุษย์เกือบสูญพันธ์ุ

ผู้เขียนบอกเล่าความโดดเดี่ยวสุดขีดของผู้รอดชีวิตไม่กี่คน เล่าย้อนหลังถึงเหตุการณ์ในอดีตเพื่อชี้ว่าความสมดุลระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ถูกทำลายโดยวิศวกรรมชีวเวช (Biomedical Engineering) ซึ่งได้รับการสปอนเซอร์โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ ย้ำเตือนให้คำนึงถึงผลเสียของวิทยาศาสตร์ ถือได้ว่างานเขียนของเธออ้างอิงหลักการที่ดูน่าเชื่อถือมากๆ ทำให้ The Year of the Flood กลายเป็นหนังสือที่ทำนายอนาคตอันใกล้ไว้อย่างน่าขนลุก

Severance (2018)

ว่าด้วยเรื่องของ Candace Chen คนยุคมิลเลนเนียลที่ทำงาน ณ บริษัทผลิตคัมภีร์ไบเบิ้ลแห่งหนึ่ง เธอคือ 1 ใน 9 ผู้รอดชีวิตที่หนีออกจากเมืองนิวยอร์กระหว่างเกิดการระบาดของ Shen fever ในปี 2011 ผู้เขียนอธิบายเมืองไว้ว่าระบบโครงสร้างเมืองพังทลาย อินเตอร์เน็ตและไฟฟ้าดับสิ้น หากเหลือเพียงผู้รอดเพียงไม่กี่คน ใครคือผู้ครองอำนาจ ใครจะได้รับหน้าที่ให้ฟื้นฟูสังคม เพราะหลายๆอย่างคงไม่ราบรื่นอย่างที่คิดและใครบางคนคงวางแผนกบฏในไม่เร็วก็ช้า

Station Eleven (2014)

เมื่อการระบาดของไวรัสจาก Republic of Georgia ได้ปะทุราวกับระเบิด ล้างบาง 99% ของประชากรโลก ซึ่งเกิดขึ้น ณ คืนที่นักแสดงละครชื่อดังอาการหัวใจวายเฉียบพลัน นักแสดงที่รอดชีวิตเดินทางผ่านหมู่บ้านเล็กๆเพื่อแสดงละครตามห้างสรรพสินค้าที่รกร้าง เพื่อพบเจอเรื่องไม่คาดฝันและตามหาความหวังที่ริบหรี่

จบไปแล้วกับหนังสือ 6 เล่มที่เกี่ยวกับการระบาดของโรค เหตุผลที่ว่าทำไมหนังสือเหล่านี้จึงได้รับความนิยม อาจเป็นเพราะมนุษย์ถูกผลักให้เผชิญหน้ากับศัตรูคนเดียวกันและนั่นไม่ใช่มนุษย์ด้วยกันเอง ไม่มีคนดีหรือคนร้ายที่แท้จริง ทุกตัวละครมีโอกาสรอดที่อาจจะสูสีกันหรืออาจจะไม่ การโต้ตอบของแต่ละตัวละครในสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้คือกุญแจสำคัญทั้งสำหรับนักเขียนและนักอ่านนั่นเอง

อ้างอิง: The plague writers who predicted today

จบไปแล้วกับหนังสือ 6 เล่มที่น่าอ่านในช่วงนี้ เป็นหนังสือภาษาอังกฤษระดับแอดวานซ์ขึ้นมานิดนึง ลองไปฝึกอ่านกันได้นะ

การเรียนภาษาอังกฤษระยะสั้น - ยาว

ในการเรียนภาษาอังกฤษนั้น ไม่มีวิธีไหนจะดีไปกว่าการพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นภาษาอังกฤษ ที่เอื้อให้เราได้ใช้ได้พูดจริงในชีวิตจริง ซึ่งหนึ่งในวิธีที่จะพัฒนาการทักษะภาษาอังกฤษคล่องให้ได้เร็วที่สุด ก็คือการมาเทคคอร์สภาษาที่ประเทศต้นตำหรับอย่างประเทศอังกฤษ

GoUni ทำงานร่วมกันกับโรงเรียนสอนภาษามากกว่า 50 แห่งในหลายเมืองทั่วอังกฤษ ที่ได้รับการรับรองและอนุมัติโดยรัฐบาลอังกฤษ ตั้งแต่ราคาย่อมเยา ไปจนถึงระดับ High-en ที่รับรองคุณภาพการสอน และ support กิจกรรมต่างๆแบบ exclusive สุดๆ ทำให้เรามีตัวเลือกมากมายและพร้อมช่วยคัดเลือกโรงเรียนที่ตรงกับความต้องการของนักเรียนให้มากที่สุด

การเตรียมตัวไปเรียนต่อคอร์สภาษาที่ UK

หลักสูตรภาษาที่กล่าวมาข้างต้นส่วนใหญ่แล้ว มีเปิดตลอดทั้งปี (ยกเว้นช่วงวันหยุดเทศกาล) โดยนักเรียนสามารถเลือกเริ่มต้นคอร์สเรียนช่วงอาทิตย์ไหนก็ได้ของเดือน แล้วแต่สะดวกเดินทางมา

สามารถจัดระยะการเรียนได้ตั้งแต่ 1-11 เดือน (ยกเว้นน้องอายุ 7-15 ปี จำกัดที่ 3-8 สัปดาห์) โดยระหว่างคอร์สเรียนที่มา นักเรียนสามารถเลือกเข้าร่วมกิจกรรมเสริมอื่นๆ หรือออกทริปเพิ่มเติมที่จัดโดยทางโรงเรียนได้ ขึ้นอยู่กับตารางกิจกรรมของแต่ละที่

ทำไมต้อง GOUNI?

• ให้คำปรึกษาฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
• สะดวกสบาย ทำให้น้องๆ มีเวลาในการทำงานหรือตั้งใจเรียน
• มีสำนักงานใหญ่ที่ลอนดอน สามารถติดต่อกับสถาบันได้โดยตรง
• ทีมงานของเรามีรุ่นพี่ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยระดับ Top
• มีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการแนะแนวกว่า 15 ปี

ให้การเรียนต่อต่างประเทศเป็นเรื่องง่าย

Official Line: https://lin.ee/SmbZgxh

Tel: 098-825-9840 / 093-323-0500

Facebook: https://m.me/gouni.th

Email: info@gouni.co.th