ประสบการณ์ศึกษาต่อมัธยมปลายที่ประเทศอังกฤษโดยน้องอิม
ทำไมต้องเรียนมัธยมปลายที่อังกฤษ
โรงเรียนในสหราชอาณาจักรขึ้นชื่อในเรื่องของความปลอดภัยและมาตรฐานการศึกษาระดับสูง โดยครูผู้สอนไม่เพียงแค่ถ่ายถอดวิชาความรู้ แต่มุ่งเน้นการช่วยเหลือนักเรียนให้ค้นหาตัวตนไปด้วย รวมไปถึงการดูแลอบรมนักเรียนโดยปราศจากการลำเอียงให้เป็นคนคุณภาพ มีระเบียบวินัย และปลูกฝังความเป็นผู้นำ กระตุ้นให้เด็กแสดงพรสวรรค์ออกมาผ่านกิจกรรมนอกห้องเรียนต่างๆ
นอกจากนักเรียนจะพัฒนาความรู้ในสายวิชานั้นๆแล้ว ยังพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ทั้งจากในห้องเรียนและความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของสังคมต่างชาติด้วย เตรียมพร้อมสำหรับน้องๆที่ต้องการเข้ามหาวิทยาลัยระดับแนวหน้า หรือ ทำงานในระดับ international
แชร์ประสบการณ์ศึกษาต่อม.ปลายที่ UK โดยน้องอิม
ไม่น่าแปลกใจที่ประเทศอังกฤษเป็นเป้าหมายยอดนิยมอันดับต้นๆ ของนักเรียนที่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ มาดูรีวิวจากน้องน้องอิม นักเรียนโกยูนิที่ไปศึกษาต่อม.ปลายหลักสูตร GCSE ที่โรงเรียน Abbey DLD College ประเทศอังกฤษกันค่ะ
(GCSE เป็นหลักสูตรสำหรับนักเรียนอายุ 14-15 ปี เทียบเท่ากับชั้นม.4-5 ที่ประเทศไทย โดยนักเรียนสามารถเลือกเรียนวิชาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นด้าน Arts, Maths, Business, Sciences, Languages และอื่นๆ ค่ะ)
สไตล์การเรียนการสอนเหมือนหรือต่างจากที่ไทยยังไง?
"ต่าง เพราะเวลาเรียนจะเป็นการเดินเรียน ถ้าที่ไทยคือนักเรียนจะ fix อยู่ที่ห้องเรียนของตัวเอง แล้วอาจารย์จะมาสอนวิชาต่างๆ แต่ที่อังกฤษจะเป็นครูสอนวิชาที่ fix ส่วนเราต้องย้ายไปตามตารางเรียนของเรา เวลาเข้าเรียนก็จะเป็น 9.00 - 16.30 อาจจะมีบางคาบที่ว่าง
ในคลาสนึงก็คือจะมีนักเรียนไม่มาก สำหรับเราคือเรียน 1 year IGCSE คลาสนึงมีแค่ 7 คน อย่างมากก็คือมีรวม2คลาส ไม่เกิน 15 คน คือน้อยกว่าที่ไทยมากๆ แล้วครูก้จะทั่วถึงมากๆ ยิ่งเวลาทำ experiment หรือการถามตอบในคลาส
ครูที่นั่นเขาไม่ใช่แค่พูดสอน ส่วนเด็กฟังจด แต่เป็นการที่เขาสอน ให้เราลงมือทำ ถามเช็คถึงความเข้าใจ เด็กก็คือมีหน้าที่ฟัง มีส่วนร่วม ถามในส่วนที่ไม่เข้าใจ ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นเหตุผลที่ทำไมเด็กอังกฤษถึงเรียนพิเศษน้อยกว่าเด็กไทย เพราะเขามีเป้าหมายให้เด็กเข้าใจในห้องเรียน"
ครูผู้สอนดุกับนักเรียนหรือเปล่า?
"อันนี้แล้วแต่คน แต่ส่วนใหญ่ที่เจอคือใจดีมากๆ แล้วก็เข้าใจเด็ก ยกเว้นว่าเด็กจะหาเรื่องจริงๆ เขาถึงจะมีทำโทษบ้าง"
การบ้านที่ได้รับมอบหมายให้ทำเยอะไหม?
"เยอะ อาจจะเป็นเพราะคอร์สเรียนเราที่มันอัด 2 ปี เป็น 1 ปีด้วย แต่ก็คือ ไม่เยอะเกินความสามารถแน่นอน"
งานกลุ่มเยอะไหม?
"ไม่ค่อยเยอะ เพราะที่นี่เขาเน้น independent learning อาจจะมีบางที่ให้จับกลุ่มทำในคลาส แต่จะไม่ค่อยมีงานที่เป็น project ใหญ่ให้ทำด้วยกันหลังเลิกเรียน"
มี culture shock อะไรบ้างในเรื่องของการเรียน?
"อย่างแรกเลยก็คือเรื่องของภาษา เพราะว่าเรามาจากโรงเรียนไทย แล้วส่วนใหญ่หนังสือก็จะเป็นภาษาไทย แต่พอมาเรียนที่อังกฤษก็คือเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย โดยเฉพาะวิชาBusiness กับ Ecomomics ที่ครูเขาจะให้เรากลับมาอ่านหนังสือเยอะๆก่อนเรียน แล้วช่วงแรกๆก็คือมีแอบท้อ เพราะเป็นคนไม่ชอบอ่านอยู่แล้ว แถมยังต้องมาคอยแปลคำที่ไม่รู้ด้วย
แต่สุดท้ายพอเราเรียนรู้ แล้วblend in กับสภาพแวดล้อมได้แล้ว ทุกอย่างจะง่ายลงขึ้นมาก เช่น ตอนแรกเราอาจจะไม่รู้คำศัพท์เยอะมากกกก แต่พอเราเจอมันบ่อยๆเข้า เราก็จะเข้าใจมัน แล้วก็ไม่ต้องเปิดdicเลย คุณครูในคลาสเขาก็จะเข้าใจว่านี่เป็นโรงเรียนอินเตอร์ เพราะฉะนั้นเวลาเขาสอน เขาจะคอยแปลคำศัพท์ที่คิดว่าเราจะไม่รู้ให้ด้วย"
ควรปรับตัวยังไงในเรื่องของการเรียน?
"เราต้องออกมาจาก comfort zone ของตัวเอง เพราะบางคนที่มาจากโรงเรียนไทยจะไม่ค่อยกล้าparticipateในคลาส หรือถามครู สำหรับเราแล้ว มันไม่ยากเลยที่จะออกมาจากจุดนั้นในสภาพแวดล้อมที่เอื้อกับเรา คือคนในคลาสน้อย แล้วครูก็ใส่ใจทั่วถึงนักเรียนทุกคน เพื่อนในห้องเราก็คุ้นเคยกันมากๆ เลยไม่มีอะไรให้ต้องเกร็งเลย
แล้วพอเราไม่เข้าใจอะไรก็ยกมือถาม หรือ ถามหลังจบคอร์สเพื่อทบทวนความเข้าใจกับครู ช่วยได้มากๆ แล้วก็เราพยายามจะเอาเนื้อหาในบทเรียนมาadaptใช้ในชีวิตจริง เช่นพอใกล้สอบเราอาจจะคุยกับเพื่อนเป็นภาษาEconomicsเลย ขำๆ แต่ให้เราคุ้นชินกับมัน ถือว่าติวไปด้วยกัน"
มีคำแนะนำเรื่องการเรียนสำหรับนักเรียนไทยยังไงบ้าง?
"ที่รู้สึกว่าเห็นผลมากๆเลยคือเวลาเราใช้ชีวิต เราควรจะใช้ภาษาอังกฤษเลย แบบว่า 80% อย่างตอนที่เราไปคือเราแทบจะไม่มีเพื่อนเป็นคนไทยเลย แล้วมันทำให้เราได้ใช้ภาษาอังกฤษบ่อยมากๆ จนเราสามารถคิด 1 ต่อเป็นภาษาอังกฤษได้ เหมือนเป็นการเปลี่ยน system ในสมอง ที่จะทำให้เวลาเราเรียนเราเข้าใจได้รวดเร็วแล้วก็ง่ายมากขึ้น แล้วก็ pay attention ในคลาสมากๆ มีส่วนร่วมกับครูผู้สอน ไม่เข้าใจอะไรก็ถาม จะทำให้เราไม่ตกหล่นบทเรียน ครูเขาก็พร้อมที่จะช่วยเราเสมอ"
การอยู่หอพัก (Boarding) เป็นยังไงบ้าง?
"ที่โรงเรียนเราคือจะมีหอให้เลือก 3 ที่ ที่เป็น property สำหรับเด็ก Abbey เลย อันแรกคือชื่อ Abbey house คือที่เราอยู่ แล้วก็สำหรับเด็กที่อายุไม่เกิน16 สตาฟก็จะเคร่งหน่อยเรื่อง curfew เป็นหอที่อยู่ในโรงเรียน ก็คือลงมาจากหอคือถึงcantineเลยทันที เท่าที่จำได้หอน่ามี 4 ชั้น ชั้น 1-2 ชั้นของผู้หญิง 3-4 ชั้นของผู้ชาย
แล้วก็มีห้องให้เลือก 2 แบบ คือเป็น single room (แบบที่เราอยู่) กับ twin room (มีroommate) ที่จะมีห้องน้ำในตัว ไม่ต้องใช้ห้องน้ำส่วนรวม หอนี้ก็คือใหม่มากๆๆๆ ขนาดของห้องที่เป็น type เดียวกันก็อาจจะไม่เท่ากัน อันนี้ก็ต้องพึ่งดวง 555555
แล้วแต่ละชั้นก็จะมีสี decorations ไม่เหมือนกัน เช่น ของเราชั้น 2 สีเขียว แต่ละชั้นก็จะมี common room ที่คนในหอสามารถเข้ามาใช้ได้ ก็คือจะมากิน มาเล่นตรงนี้ แต่พวกของใช้ในครัวคือน้อยมากๆ ตอนแรกหวังว่าอยากจะฝึกเป็นเชฟก็คือหมดสิทธิ์เพราะเขาไม่มีเตาไฟฟ้า หรือเตาอบให้เลย อาจเป็นเพราะกลัวเกิดอันตราย แต่ก็จะมีไมโครเวฟ กาน้ำร้อน มีเครื่องล้างจาน ตู้เย็น ทีเราจะต้องเขียนชื่อตัวเองเวลาจะแช่อะไร เพราะเดี๋ยวหาย!
ต่อไปก็จะมีหอชื่อ Purbeck กับ Tripos ที่เป็นสำหรับเด็กโตหน่อย ห้องก็คือกว้างกว่า facilities ครบกว่า แต่ว่าไม่ได้อยู่ในโรงเรียน รวมถึงก็มีแบบที่ไป-กลับด้วย คืออาจจะอยู่กับโฮส"
กินอยู่ยังไงเมื่อต้องไปอยู่หอด้วยตัวเอง?
"ที่โรงเรียนจะมี cantine กับ cafe ให้อยู่แล้ว ก็คือ include ในค่าเทอม แต่ถ้าเราอยากกินอะไรนอกเหนือก็จะต้องใช้ badge ที่เราใช้ห้อยคอตลอดเวลาจ่าย แล้วก็เติมเงินได้ แต่บางทีเราก็เบื่ออาหารโรงเรียน ก็จะออกไปหาอะไรกินที่ mall ใกล้โรงเรียน ก็มีร้านอาหารให้เลือกเยอะอยู่ หรือจะออกไปซื้อเป็น take away กลับมาก็ได้ โรงเรียนเหมือนไม่ค่อยอยากให้เด็กใช้บริการ delivery อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าทำไม 55555555 แต่ก็มีคนแอบทำเยอะมาก"
กฎระเบียบของหอพักมีอะไรบ้าง?
"ตอนแรกที่ไปก็แอบคิดว่าเยอะ ส่วนมากจะเป็นเรื่องของ curfew กับ prep time สำหรับคนที่อายุไม่ถึง 16 คือเราห้ามออกไปข้างนอกเกินเวลา curfewโดยที่ไม่เจรจากับสตาฟอย่างมีเหตุผลก่อน เพราะเขาจะโทรตามเรากลับมาทันที และจะโดน punishment ในวันถัดไป ก็คือกักบริเวณประมาณ1ชั่วโมง ตอนไปแรกๆก็คือไปดู The Nun กับเพื่อนที่โรงหนัง แล้วหนังมันดันเกินเวลา staff ก็คือโทรตามเลย ขากลับคือวิ่งจนลืม The nun ไปแล้ว กลัว staff มากกว่า 5555555"
นักเรียนสามารถออกนอกโรงเรียนได้ไหม?
"เราสามารถออกได้ในเวลาที่ได้รับอนุญาต ก็คือหลังเลิกเรียน ก่อน curfew ออกไปได้ทุกวัน แต่ทุกครั้งที่ออกเราจะต้องเซ็นชื่อว่า ออกเวลาไหน ไปที่ไหน ไปกับใคร แล้วพอกลับมาถึงก็ต้องเขียนเวลาที่กลับด้วย staffเขาจะเช็คและตามเด็กจากตรงนี้ ถ้าเราออกนออกเมืองก็จะต้องบอก staff ผ่านอีเมล แล้วต้องได้รับ consent จากผู้ปกครองด้วย"
มีวิธีทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ ยังไงบ้าง?
"ตอนแรกเลยที่เราไปถึง ก็จะมีการปฐมนิเทศ แบ่ง house groups ที่จะทำให้เราได้รู้จักคนใหม่ๆเยอะขึ้น เราก็ยิ้มให้ ชวนคุย แบบว่าเขาชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ มาจากประเทศอะไร เพราะว่าเป็นโรงเรียนอินเตอร์เลยหลากหลายทางเชื้อชาติมากๆ ส่วนตัวแล้วเราเป็นคนเฟรนลี่ เวลาเดินผ่านคนที่ไม่รู้จักเราก็จะมียิ้มให้หรือถ้าเคยเจอก็จะโบกมือให้ มันอาจจะดูบ้าๆ แต่สุดท้ายคือเราได้รู้จักคนเพิ่มขึ้นจริงๆ
ที่สำคัญคือเราต้อง open mind อย่าไป judge ใครโดยที่เรายังไม่ทันได้รู้จักเขา ตอนอยู่ที่โรงเรียนส่วนมากเราก็จะอยู่กับเพื่อนที่เรียนคลาสเดียวกัน เพราะตารางชีวิตจะคล้ายๆกัน เจอกันบ่อยที่สุด แล้วอายุก็ใกล้เคียงกัน เลยสนิทกันได้รวดเร็วมาก"
ถ้าเป็นคนขี้อายจะหาเพื่อนยากหรือเปล่า?
"อันนี้ต้องดูด้วยว่าเราขี้อายแบบไหน ถ้าขี้อายแล้วเราเก็บตัว หรือทำท่าทางที่ไม่อยากเข้าสังคมมันก็จะยากหน่อย แต่ถ้าเราขี้อาย แต่เราพร้อมที่จะรับสิ่งใหม่ๆเข้ามาก็จะมีเพื่อนแน่นอน เพราะมันจะมีกิจกรรมที่ทำให้เราได้รู้จักคนใหม่ๆ ถ้าเราใช้โอกาสนั้นเมคเฟรนก็จะมีเพื่อนได้ เพราะจะได้แลกเปลี่ยนความคิด ความชอบกัน อย่างไรก็ตาม เราควรจะก้าวออกมาจาก comfort zone เราอย่าไปหวังให้ใครเขาเข้าหาเรา เราควรจะเริ่มด้วยตัวเอง เห็นผลที่สุด"
เคยโดนบูลลี่ (bully) ในโรงเรียนหรือเปล่า?
"ไม่เคยเลย อาจจะเป็นเพราะโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนอินเตอร์ด้วย เลยมีความหลากหลายทางเชื้อชาติมากๆ อันที่จริงคือแทบไม่มี native เลย มันเลยทำให้เรา open กับความหลากหลาย แล้วปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมง่ายมากๆ ประมาณว่า ไม่มีใครเหยียดใคร เพราะเราก็แตกต่างเหมือนกัน 5555555 แต่ถ้าเป็นเรื่องของ bully เพราะการกระทำแต่ละคน อันนี้ไม่แน่ใจ เพราะเราก็ไม่เคยโดนเหมือนกัน"
ถ้ามีปัญหากับเพื่อนหรือกับตัวเอง เช่น home sick ทำยังไง?
"ถ้าเป็นกับเพื่อน เราก็ต้องกลับมามองตัวเองก่อนอย่างแรกว่า เราหรือเขาที่เป็นคนผิด แล้วเรื่องที่ทะเลาะกันมันสมเหตุสมผลมั้ย หรือมันแค่งอนกันแบบไร้สาระ ทางแก้ที่ดีสำหรับเราคือ มองอย่างเป็นกลางกับปัญหาก่อน อย่าเพิ่งใช้อารมณ์ แล้วเราค่อยคิดว่าเราควรทำอะไรต่อเพื่อแก้ปัญหานี้ บางปัญหาอาจต้องเข้าไปคุยตรงๆอย่างมีเหตุผล แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น หรือกับบางคนที่เรารู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วไม่เฮลตี้จริงๆ ก็จะเว้นระยะห่างออกมา แต่ก็ยังทักทายกันได้ เพื่อให้ทั้งเราและเขาสบายใจทั้งสองฝ่าย
ส่วนเรื่อง homesick ก็คือเราประสบน้อยมากๆ เพราะเราเป็นคนที่ขอพ่อแม่ไปเรียนต่างประเทศเอง แล้วเราก็ enjoy กับบรรยากาศนั้นมากๆ แต่ก็มีบ้างที่คิดถึงบ้าน ครอบครัว คิดถึงเพื่อน ง่ายๆ เลยคือคอล line ไป หรือ VDO call เลย ตอนเราไปคือโทรคุยกับครอบครัวหรือเพื่อนแทบทุกวัน ช่วยทำให้สบายใจและหายเหงาขึ้นมากๆ หรือ เราก็จะหาอะไรทำไม่ให้เราฟุ้งซ่าน คือเราอาจจะทำสิ่งที่ชอบเช่นดูหนัง แต่ไม่นานเราก็จะรู้สึกภูมิใจกับตัวเองที่เราสามารถพึ่งพาตัวเองได้ แล้วใช้ชีวิตให้สนุก จนมันหาย homesick ไปเอง"
เคยเจอผีในหอพักไหม?
"ไม่เคยเลยยยยยย อันนี้ไม่มีจริงๆ หรือเพราะเราสวดมนตร์ก่อนนอนตอนอยู่ที่นั่นแทบทุกวันก็ไม่แน่ใจ 5555555555"
มีหนุ่มฝรั่งมาจีบหรือเปล่า?
"ตอนแรกๆ ก็จะมีบ้าง แต่คงไม่ใช่บริทิชเพราะในโรงเรียนอินเตอร์ของเราหายากมาก มีรึปล่าวนะ? แต่ก็มีรัสเซียเยอะ แต่ว่าเราเป็นคนที่ถ้าไม่ได้ชอบก็คือจะ react กลับแบบผู้หญิงห้าวๆ 555555555 จนมันกลายเป็นเพื่อนแทน 55555555"
ต้องจ่ายค่าเทอมยังไง?
"เป็นการโอนจ่ายที่พี่ๆ โกยูนิจะช่วยประสานงานให้ได้เยอะมากๆๆๆๆ ทำให้การติดต่อกับโรงเรียนไม่ติดขัดเลย"
การเตรียมตัวไปศึกษาต่อมัธยมปลายที่ UK
การเลือกโรงเรียนมัธยมหรือมหาวิทยาลัยที่จะเรียนนั้นเป็นหนึ่งในขั้นตอนตัดสินใจยาก การจัดอันดับก็แตกต่างกันไปจากหลายสำนัก GoUni ก่อตั้งขึ้นเพื่อที่จะให้ข้อมูลที่เป็นกลางกับนักเรียนที่สนใจเรียนต่อในประเทศอังกฤษ
ดังนั้น GoUni จึงไม่มุ่งเน้นแค่ช่วยหาโรงเรียนมัธยมที่ดี แต่โรงเรียนมัธยมที่เหมาะกับความต้องการและข้อจำกัดของนักเรียนแต่ละคนด้วย!
GoUni พร้อมช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมการที่ไทย (จัดการที่พัก วีซ่า ตั๋วเครื่องบิน) ไปจนกระทั่งเมื่อน้องๆมาถึง ทีมงานที่อังกฤษก็พร้อมดูแล ที่สามารถติดต่อกับทั้งนักเรียน โรงเรียน และที่พักของน้องๆได้โดยตรง
ทำไมต้อง GOUNI?
- ให้คำปรึกษาฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
- สะดวกสบาย ทำให้น้องๆ มีเวลาในการทำงานหรือตั้งใจเรียน
- มีสำนักงานใหญ่ที่ลอนดอน สามารถติดต่อกับสถาบันได้โดยตรง
- ทีมงานของเรามีรุ่นพี่ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยระดับ Top
- มีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการแนะแนวกว่า 15 ปี
ให้การเรียนต่อต่างประเทศเป็นเรื่องง่าย
Official Line: https://lin.ee/SmbZgxh
Tel: 098-825-9840 / 093-323-0500
Facebook: https://m.me/gouni.th
Email: info@gouni.co.th
Leave A Comment
รับข่าวสารจากเรา
เราจะคอยอัปเดตคุณด้วยการแจ้งเตือนข่าวสารและความช่วยเหลือเมื่อคุณต้องการ