คู่มือเปิดบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกา ครบทุกเรื่องที่ต้องรู้
คู่มือเปิดบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกา
ก่อนที่จะบินไปเรียนต่อในต่างประเทศนั้น นอกจากจะต้องเตรียมเอกสาร สิ่งของจำเป็นแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ไว้คือเรื่องการเปิดบัญชีธนาคารเพราะถ้าจะไปอยู่นานๆ แล้วใช้บัตรของไทยก็คงเสียค่าธรรมเนียมกันไม่ใช่น้อยๆ ดังนั้นถ้ามีบัญชีของประเทศนั้นไว้จะได้อุ่นใจ สะดวกสบาย และใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น
สหรัฐอเมริกาถือเป็นสังคมที่เรียกได้ว่าแทบจะ cashless ไม่ว่าจะเข้าร้านอาหาร เข้าห้างสรรพสินค้าหรือเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต คนส่วนใหญ่ก็จะใช้บัตรจ่าย แม้กระทั่งการซื้อน้ำ 1 ขวดที่ราคา 1 ดอลล่าห์ก็ใช้บัตรจ่ายได้เลย!
ใครที่ไม่รู้ว่าจะเลือกบัตรแบบไหน ธนาคารไหนดี ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ไหนจะเงื่อนไขต่างๆ อีก ก็ไม่ต้องกังวลไป พี่ GoUni รวบรวมข้อมูลมาให้แล้วค่ะ
การเปิดบัญชีบัตรเดบิตที่สหรัฐอเมริกาก็มีอยู่ 2 ประเภท
1. Checking: บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน
- เป็นบัญชีที่ฝากเงินแล้วไม่มีดอกเบี้ย พกบัตรแทนเงินสดไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่มีข้อจำกัดในการทำธุรกรรม เช่น รูดซื้อของ ชอปปิง กินข้าว กด ATM โอนเงิน
- แต่ต้องระวังค่า overdraft fee อย่ารูดหรือเขียนเช็คโดยมีเงินในบัญชี Checking Account ไม่พอ เพราะจะเสียค่าปรับประมาณ $30 ต่อครั้ง (ขึ้นอยู่กับธนาคาร)
- มีความเสี่ยงบัตรโดน Hack บัตรหายหรือโดนขโมย เพราะคนที่เก็บบัตรได้สามารถนำไปรูดซื้อของตามร้านได้เลย ดังนั้นก็ต้องระวังกันหน่อยนะ
2. Saving: บัญชีออมทรัพย์
- เป็นบัญชีที่ฝากเงินแล้วได้ดอกเบี้ย ซึ่งบัญชีนี้มันจะดีสำหรับคนที่มีเงินเยอะและไม่คิดจะใช้เป็นเวลานาน ซึ่งในแต่ละเดือนก็ค่อยโอนเท่าที่จำเป็นใส่ใน Checking Account เพื่อรูดใช้ในแต่ละวันได้ ใครมีบัญชีนี้ต้องหมุนเงินให้เป็นเพราะถ้าถอนก่อนครบกำหนดก็จะไม่มีดอกเบี้ย
- แต่ข้อเสียก็คือจะมีข้อจำกัดว่าสามารถทำธุรกรรมกับบัญชีนี้ได้แค่ 6 ครั้งต่อเดือน มากกว่านั้นก็จะเสียค่าบริการ (ขึ้นอยู่กับธนาคาร)
ถ้าต้องการเปิดบัญชีต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
- พาสปอร์ต
- วีซ่านักเรียน
- ใบรับรองการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย (I-20)
- บัตรนักเรียน / ใบขับขี่
- เงินสดขึ้นต่ำที่ต้องใช้ในการเปิดบัญชี (ขึ้นอยู่กับธนาคาร)
สำหรับการเปิดบัญชี Checking และ Saving จะใช้เอกสารเหมือนกัน อยากเปิดบัญชีประเภทไหนก็แจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลย การเปิดบัญชีและออกบัตร ATM จะไม่มีค่าใช้จ่ายแต่ว่าจะมีค่าธรรมเนียมรายเดือน (ขึ้นอยู่กับธนาคาร) บางธนาคารอาจแจ้งให้ผู้ถือบัตรรูดเงินตามที่กำหนดหรือมีเงินติดบัญชีไว้ตามที่กำหนดก็จะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมรายเดือนค่ะ
ธนาคารอเมริกาที่แนะนำสำหรับเปิดบัญชี
แนะนำว่าให้เปิดกับธนาคารใหญ่ไปเลยก็จะดีกว่า เพราะ ATM หาง่าย สะดวก และธนาคารมีอยู่ทุกรัฐ เกิดไปเที่ยวต่างรัฐแล้วมีปัญหาก็เข้าไปติดต่อสาขาที่นั่นได้เลย ธนาคารใหญ่ที่แนะนำก็จะมี
- Bank of America
- Chase Bank
- Wells Fargo
การเปิดบัญชีก็ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด แต่ละประเภทก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป รู้แบบนี้แล้วทุกคนคงจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เปิดบัญชีประเภทไหนก็เอาตามที่เราสะดวกเลย
สมัครง่าย ได้โปรโมชั่น พร้อมอัพ Credit Rewards
อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักศึกษาในอเมริกาที่จะช่วยให้การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันง่ายขึ้น สะดวกและยังประหยัดเงินได้อีกก็คือการเปิดบัตรเครดิต ซึ่งจะมาพร้อมโปรโมชั่นต่างๆ มากมาย เช่น มี credit rewards สะสมแต้มเพื่อแลกของ ซื้อของได้ส่วนลด เติมน้ำมันได้ cashback ได้เครดิตขึ้น Uber ฟรี ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้เยอะเลย
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเปิดบัตรเครดิตที่อเมริกา
- อายุ 21 ปีขึ้นไป
- มีบัญชีบัตรเดบิต
เอกสารในการใช้สมัครบัตรเครดิต
- พาสปอร์ต
- วีซ่านักเรียน
- ใบรับรองการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย (I-20)
- บัตรนักเรียน / ใบขับขี่
- เงินที่จะใช้ค้ำประกันเพื่อเปิดบัตรตามวงเงินกรณีที่เปิดบัตร Secured Credit Card
บัตรเครดิตที่แนะนำสำหรับนักศึกษา
ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตก็มีตั้งแต่ 0 บาทไปจนถึงหลายร้อยเหรียญ ซึ่งแน่นอนว่าบัตรที่ไม่มีค่าธรรมเนียมก็จะมีสิทธิประโยชน์น้อยกว่า
- Deserve Edu Mastercard
- Bank of America Cash and Travel Rewards Cards
- Citibank
โอนเงินจะเป็นเรื่องง่าย ถ้าใช้แอพเสริมเหล่านี้
ปกติเวลาอยู่ไทย จะโอนเงินไปไหนก็สะดวก ค่าธรรมเนียมก็ไม่มี จะชอปปิ้งออนไลน์ จ่ายค่าอาหาร สแกนปุ๊ปเงินก็เข้าปั๊ป แต่ที่อเมริการะบบโอนเงินไม่ได้ง่ายเหมือนบ้านเรา ไม่ใช่ว่ามีแอปธนาคารแล้วจะทำได้เลย ระบบจะค่อนข้างช้า ค่าบริการก็แพง
ที่นี่เลยมีระบบกลางอย่าง Wired Transfer ระบบการโอนเงินปกติผ่านระบบกลาง โดยใช้ SWIFT ของธนาคารปลายทางที่ไทย ระบุรหัสธนาคาร (Routing Number) และเลขที่บัญชี (Account Number) เพื่อกดโอนเงินระหว่างประเทศ ค่าธรรมเนียมค่อนข้างสูง ($7-$40) และใช้เวลาราวๆ 1-5 วัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจ่ายค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ ฉะนั้นใครหลายคนก็จะนิยมใช้บริการแอปเสริมสำหรับโอนเงินระหว่างประเทศมากกว่า เช่น
TRANSFERWISE
- บริการโอนเงินระหว่างประเทศที่ใช้อัตราการแลกเงินจะตรงตามตลาดและไม่มีค่าธรรมเนียมแฝง
- สามารถโอนเงินเข้าบัญชีของ Transferwise ผ่าน Debit Card แล้วจากนั้นเงินก็จะเข้าบัญชีของเรา ซึ่งค่าธรรมเนียมจะหักจากเงินก้อนที่เราโอน ส่วนระยะเวลาที่ใช้โอนก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเงิน
- ข้อเสียคืออาจต้องรอ 2 วันถึงจะได้รับเงิน
PAYPAL
- บริการโอนเงินจากบัญชี Paypal ของเรา เข้าบัญชี Paypal ของคนที่เราต้องการโอนเงินให้ ขอเพียงแค่มีบัญชีธนาคารที่เชื่อมต่อเข้ากับบัญชี Paypal สะดวก รวดเร็ว เป็นที่นิยมมาก
- ข้อเสียคือมีค่าธรรมเนียมแอบแฝง (hidden fee) ที่หักตอนผู้รับจะเบิกเงินออกมานั่นเอง
MONEYGRAM
- บริการโอนเงินผ่านระบบออนไลน์และสามารถโอนเงินตามร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ของ Moneygram เช่น Walmart, 7-eleven สามารถกรอกชื่อ เบอร์โทร ชื่อผู้รับเงิน และข้อมูลธนาคารที่รับโอน พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าจะโอนจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งปลายทางจะได้รับเงินภายใน 10 นาที
- ข้อเสียก็คือมีค่าธรรมเนียมค่อนข้างสูงและมีค่าธรรมเนียมแฝง
Western Union
- เป็นการโอนเงินที่สะดวกมากเพราะนอกจากจะโอนผ่านแอปและเว็บไซต์แล้ว ก็ยังมีจุดบริการกระจายอยู่ทั่วโลก หาได้ง่ายผ่านห้างสรรพสินค้า หรือจุดศูนย์รวมสำคัญในประเทศต่าง ๆ
- ข้อเสียก็คือมีค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างสูงและมีค่าธรรมเนียมแฝง
การศึกษาต่อระดับปริญญาที่อเมริกา
มหาวิทลัยในอเมริกาหรือบาง College แบ่งภาคเรียนออกเป็น 4 เทอมเท่าๆ กัน โดยแต่ละเทอมจะเรียนอยู่ที่ประมาณ 11-12 สัปดาห์ หรือเรียกว่า 1 quarter วนไปจนครบปี แต่ Summer Quarter จะสั้นมากเพราะเรียนเพียงแค่ 8 สัปดาห์เท่านั้น
หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่าปริญญาโทที่ USA ต้องเรียน 2 ปี แต่ความจริงระยะเวลาการเรียนขึ้นอยู่มหา’ลัยและสาขาวิชา บางสาขาอาจจะเรียน 10 เดือนเท่านั้น หรือบางสาขาอาจจะเรียนประมาณ 10/12 เดือน หมายความสามารถเรียนเครดิตเต็มพิกัดแล้วจบภายใน 10 เดือนหรือเรียนตามปกติแล้วจบภายใน 12 เดือน
Minimum credit จะอยู่ที่ 12 credits และ Maximum credit จะอยู่ที่ 20-21 credits ผู้เรียนต้องดูว่า Core ของสาขาที่เราเลือกมีอะไรบ้าง? จุดประสงค์คือจะเน้นเป็นการเก็บ Credit ให้ครบหรือเรียกได้ว่า ‘ถ้าเก็บครบก็จบได้’ นั่นเอง สำหรับผู้ที่สนใจอยากออกไปซ่า ทดลองความกล้าใน USA พร้อมเรียนจบรับใบปริญญา พี่ GoUni ขอแนะนำ 5 รัฐสุด Popular ที่เด็กไทยนิยมไปเรียนนั่นก็คือ
- New York
- Florida
- California
- Washington
- Massachusetts
ทำไมต้อง GOUNI?
- ให้คำปรึกษาฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
- สะดวกสบาย ทำให้น้องๆ มีเวลาในการทำงานหรือตั้งใจเรียน
- มีสำนักงานใหญ่ที่ลอนดอน สามารถติดต่อกับสถาบันได้โดยตรง
- ทีมงานของเรามีรุ่นพี่ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยระดับ Top
- มีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการแนะแนวกว่า 15 ปี
ให้การเรียนต่อต่างประเทศเป็นเรื่องง่าย
Official Line: https://lin.ee/SmbZgxh
Tel: 098-825-9840 / 093-323-0500
Facebook: https://m.me/gouni.th
Email: info@gouni.co.th
Leave A Comment
รับข่าวสารจากเรา
เราจะคอยอัปเดตคุณด้วยการแจ้งเตือนข่าวสารและความช่วยเหลือเมื่อคุณต้องการ